น่าจะเป็นタスクที่น่าจะ自由ที่สุดที่เคยทำมาแล้วค่ะ เพราะอยากเขียนอะไรก็เขียนได้เต็มที่ตามที่ต้องการเลย 555 ก็อย่างที่ได้พูดในเอนทรี่ที่แล้วว่าถ้าไม่วางแผนเลย จะได้งานเขียนที่ไม่มีคุณภาพ รอบนี้เลยค่อนข้างคิดเยอะพอสมควรค่ะ งานนี้กว่าจะเขียนเสร็จเลยปาไป2วันเศษ ๆ orz
สำหรับเราตอนนี้ งานเขียนนี้ถือเป็น自慢の傑作 ณ ตอนนี้เลยค่ะ 55555 เนื้อหาจะเป็นยังไง ก็ลองอ่านดูเลยค่ะ!
ปล.ถ้าใครอยากอ่านฉบับแก้แล้ว รบกวนเข้าไปดูเอนทรี่Week6.2นะคะ เอนทรี่นี้จะไม่แปะฉบับแก้เหมือนทุกทีค่ะ
=+=+=+=+=+=+=+=
きっかけ
冬に入ってから寒さが次第に厳しくなっていくが、聖なる夜が近づいてくると、日が沈んでも華やかなイルミネーションが彩られているパリの街中には、幸せそうな恋人たちが溢れかえている。こんな特別な時期に、フランスのミシュランガイドに「三つ星」として掲載されている豪華な高級レストランは、もう満席。わざわざ足を運んだお客様に最高の晩餐を堪能させるために、シェフたちが休憩の時間がもったいないと思うくらい休まず、最高の料理を提供し続けていく。
――だが、聖なる夜が近づいてくるせいか、パリの賑やかな繁華街で、一番有名な三つ星を取得している三階建てレストランである「Simplicité」のキッチンの雰囲気は、普段よりビリビリと緊張感が一気に漂った。そんな雰囲気に耐え切れず、休憩が取れたとたん、このレストランで唯一の日本人女性である中島舞がシェフの衣装を着たまま、ベージュのロングコートを羽織り、静寂に包まれているレストランの屋上に行った。屋上に着くと閉じたばかりのドアを背にし、ものすごく長いため息を零れた。「この仕事に向いてないかな、私……」と小さい声で呟き、両手で自分の顔を覆った。
一流のシェフを目指している舞は、フランス料理専門学校を卒業し、Simplicitéのオーナーにスカウトされ、パリの本店で18ヶ月働くことになったが、1ヶ月も経て、緊張感が漂っている職場に慣れず、細かいミスばかりしてしまい、オーナーに怒鳴られる日々が続いてる。特に、今日は普段より相当マヌケなミスばかりしまくった気がした舞は、悔しさに耐えるようにきゅっと唇を噛んだ。ふと無意識にスマホを手にとって、画面をじっと見た。その後、ある人に「ちょっといいですか」という短いメッセージを送った。
(こんな状況なら、いつもお母さんを一番最初に思い出すはずなのに、どうして「あの人」をさっきに思い出したんだろう……)
そう思ったとたん、スマホが突然振動し、着信音が鳴った。舞は画面に表示されている連絡先を見た瞬間、心臓が早鐘を打ち、慌てて電話に出る。「……もしもし?」裏声にならないように、落ち着いてからゆっくり返事した。『あ、よかった!出てくれた』ほっとしたように、向こうから小さな吐息が聞こえた。「……熱海先輩がわざわざ電話をかけてくれると思いませんでした」。高校時代の一学年上の男の先輩で、舞の夢をずっと応援している熱海直哉は『急に電話をかけてごめんね。でも、君が送ったメッセージを気になったから、電話をしてしまった。……今話してる声、いつもより元気ない気がしたけど、嫌なことでもあった?僕でよかったら、話を聞くよ』と心配そうに言った。
(相変わらず、察しがよく、気を遣う先輩だわ)
舞はしばらく考え、口を開いた。「――私、シェフをやめたほうがいいですか?」と素直に聞いてしまった。聞くべきではない質問を聞いてしまったと気づいた舞は、冗談ですよって誤魔化そうとしたが、『僕は教えるのが好きだから、教師になりたい。君はどうしてシェフになりたい?』と熱海先輩が聞き返した。「どうしてって料理を作るのが好きに決まって……あ」何か気づいた舞が口を閉じた。『今まで最初から最後までうまくいったことなんて、一度もなかったでしょ?でも、君は料理を作るのが好きだからこそ、ここまで頑張ってきた。このことだけは忘れないで欲しい』。
(――ああ、どうしてすっかり忘れてしまったんだろう。料理を作るのが好き。それはきっかけで、パリまで来た大事な理由なのに、自分の夢を諦めるべきかって簡単に聞いちゃったなんて本当に情けない)
目元が熱くなり、涙が流れないように、舞が唇を噛んだ。『今、もし泣きたいなら、思い切り泣いてもいいよ。それから、元気出して、いつも自分の夢を叶えるために、諦めずに頑張り続ける君に戻ってね』熱海先輩の言葉を聞くと、まるで涙腺が壊れたかのように涙が溢れ出してきて止まらなくなった。『よしよし、君はよく頑張ったよ。よしよし』舞が落ち着くまで、熱海先輩が何度も何度もそう言い繰り返す。5分を経て、舞がやっと泣き止み、「そっちはもう深夜なのに、貴重な時間を無駄にしてごめんなさい」と謝った。『ううん、好きな人のことなら、時間の無駄なんて思わないよ』熱海先輩がきっぱりと言うと、舞の息が詰めた。「熱海先輩、まさか――」。『言ったでしょ?僕が卒業した日に』。
――あの日、熱海が学校を卒業した日に、桜が舞い散る木の下で熱海先輩に告白されたことは、鮮明に覚えている。舞は「自分の夢を早く叶えたいから、恋愛に余裕がない」と即答で断ったが、『君の夢が叶えるまで、僕はずっと待つよ』熱海先輩はまるで天使が微笑んでるようににっこりと笑った。断った日から、もう3年間も経ったのに、自分のことをずっと待っていると思うと、舞の胸がドキドキする。「そ、そろそろ戻らないと!」照れていることを誤魔化すためにそう言った。『そう?じゃ、僕の方から切るよ……行き詰まったときに、僕のことを一番最初に思い出してくれて、ありがとう。好きだよ、舞』と言い切れると、電話をすぐに切った。
(や、やられた!……でも、嫌じゃないし、もうちょっと話したいと思うなんて……ああ、なるほど、だから、お母さんじゃなくて、熱海先輩を一番最初に思い出したんだ)
自分の感情を整理して、熱海先輩への気持ちがやっと分かった舞はくすりと笑い、頬を軽く叩いた。「よし、熱海先輩を長く待たせるのはよくないよね」と気合を入れ、レストランの中に戻った。
=+=+=+=+=+=+=+=
ส่วนมากจะผิดจุดเล็กจุดน้อย
คำช่วยสุดปวดหัว แม้ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม(...)
จุดแรกคือシェフたちがที่อยู่ย่อหน้าแรก ถ้าตามหลักที่เคยเรียนมาคือเพราะเป็น新情報ก็ควรจะเป็นがใช่มั้ยคะ? แต่อาจารย์อธิบายว่าเป็น"ลักษณะพิเศษของการเขียนนิยาย"ค่ะ ว่าประธานที่ใช้เปิดนิยายจะต้องใช้คำช่วยはเสมอ เช่น 吾輩は猫である ที่เป็นประโยคเริ่มเรื่อง吾輩は猫であるของ夏目漱石ค่ะ อันนี้จะค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นประโยคเปิดนิยายแล้วใช้คำช่วยはกับประธานที่เพิ่งโผล่มาต้นเรื่องค่ะ ก็เลยแก้เป็นシェフたちは
ส่วนがที่เราผิดตรงย่อหน้าที่2 …このレストランで唯一の日本人女性である中島舞が… ตรงจุดนี้เพราะคำช่วยがไม่สามารถครอบคลุมเนื้อหาทั้งประโยคได้เหมือนはค่ะ เพราะがจะสโคปประโยคได้แค่บางส่วน ในขณะที่はสามารถสโคปได้ทั้งประโยคต่อให้ยาวแค่ไหนก็ตาม ประโยคที่เราเผลอไปใช้がคือยาวมากจริง ๆ ค่ะ ถ้าไม่ใช้ は ที่เราบรรยายมาแทบไม่ได้คงไร้ความหมายเลยค่ะ ฮรือ
そんな雰囲気に耐え切れず、休憩が取れたとたん、このレストランで唯一の日本人女性である中島舞(なかじままい)はシェフの衣装を着たまま、ベージュのロングコートを羽織り、静寂に包まれているレストランの屋上に行った。
(จะสังเกตได้ว่าประโยคยาวระดับหนึ่ง ถ้าไม่ใช้は จะไม่สามารถสโคปสิ่งที่เราบรรยายไมได้เลยค่ะ)
ส่วนคำช่วยอีกจุดที่ผิดคือ を気になったから ต้องเป็นคำช่วยが อันนี้รู้อยู่แล้วว่าต้องคำช่วยがแต่สะเพร่าเองค่ะ ไม่มีคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้นค่ะ
ต่อไปที่จะมาดูคือสีน้ำเงินนะคะ อันนี้จะเป็นเรื่องคำศัพท์ค่ะ ตัวแรกที่เราผิดคือビリビリค่ะ ต้องแก้เป็นピリピリ ...บอกตามตรงว่าตอนที่ยังไม่ได้อ่านฉบับเฉลยคืองงมากว่าทำไมผิด เพราะเรามีเช็คกับดิกในเน็ต แล้วดิกในเน็ตก็มีขึ้นบอกเลยว่าใช้ได้ รอบนี้เลยไปเปิดดิก新明解ที่ซื้อในไอพอตเช็คแบบละเอียด ก็ค้นพบว่า
ビリビリとは、電気などに触れてしびれるようなショックを感じる様子。
ピリピリとは、極度の緊張のあまり神経が異常に過敏になっている様子。
พออ่านความหมายแล้ว สิ่งแรกที่รู้สึกคือ "น่าจะเช็คจาก新明解แต่แรก" เพราะจริง ๆ อาจารย์หลาย ๆ ท่านก็เคยพูดอยู่ว่าควรเช็คความหมายจากดิกที่ได้มาตรฐานมากกว่าเปิดดิกในเน็ตที่ไม่มีอะไรรองรับว่าถูกต้อง แต่ตามประสาคนขี้เกียจเลยติดนิสัยเปิดในเน็ต หลังจากนี้คงต้องขยันเปิดเช็คจาก新明解รัว ๆ ค่ะ แง
ส่วนอีกคำที่ผิดคือ 一気に漂った ยอมรับว่าอันนี้ไม่แน่ใจว่าใช้一気ได้มั้ย แต่ก็อยากให้เห็นภาพชัด ๆ ก็เลยพิมพ์แบบนี้ไปค่ะ ก็...นั่นแหละค่ะ โดนขีดสีแดงเด่นมาแต่ไกล 555555 ส่วนเหตุผลที่ใช้ไม่ได้เพราะว่า一気บ่งบอกความเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่จำเป็นกับประโยคที่เราแต่ง เปลี่ยน漂った→漂っていたก็โอเคแล้ว
(ชัดเจน เจนชัดว่าทำไมใช้ไม่ได้...)
พออ่านความหมายแล้ว สิ่งแรกที่รู้สึกคือ "น่าจะเช็คจาก新明解แต่แรก" เพราะจริง ๆ อาจารย์หลาย ๆ ท่านก็เคยพูดอยู่ว่าควรเช็คความหมายจากดิกที่ได้มาตรฐานมากกว่าเปิดดิกในเน็ตที่ไม่มีอะไรรองรับว่าถูกต้อง แต่ตามประสาคนขี้เกียจเลยติดนิสัยเปิดในเน็ต หลังจากนี้คงต้องขยันเปิดเช็คจาก新明解รัว ๆ ค่ะ แง
ส่วนอีกคำที่ผิดคือ 一気に漂った ยอมรับว่าอันนี้ไม่แน่ใจว่าใช้一気ได้มั้ย แต่ก็อยากให้เห็นภาพชัด ๆ ก็เลยพิมพ์แบบนี้ไปค่ะ ก็...นั่นแหละค่ะ โดนขีดสีแดงเด่นมาแต่ไกล 555555 ส่วนเหตุผลที่ใช้ไม่ได้เพราะว่า一気บ่งบอกความเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่จำเป็นกับประโยคที่เราแต่ง เปลี่ยน漂った→漂っていたก็โอเคแล้ว
เอาจริง ๆ รู้สึกได้ตั้งแต่ฟีดแบคเขียนงานเรื่องผีแล้วว่า ถ้าไม่ได้บรรยายสถานะอะไรมาก่อน แล้วจู่ ๆ มาใช้คำที่บ่งบอกการเปลี่ยนแปลงจะ不自然 แล้วนี่เพิ่งมา気づきตัวเองว่าติดนิสัยชอบไม่บรรยายอะไรเลยมาใช้คำบอกสถานะเปลี่ยนแปลงมาซักพักละ ต้องรีบแก้ด่วนก่อนเป็น化石化 ฮรือ ;-;
แต่อย่างน้อย ๆ เราเชื่อว่าเราพลาดวันนี้ จะทำให้เราใช้ภาษาญี่ปุ่นได้ดีขึ้นในวันหน้านะคะ! เหมือนกับน้องหมาในรูป(?)
ส่วนสุดท้ายที่จะขอดูคือคำกริยา ประเด็นพีค ๆ ของรอบนี้คือเรื่อง自動詞・他動詞 ปัญหาระดับชาติ(?)ของคนเรียนภาษาญี่ปุ่น ที่เราผิดครั้งนี้จะมีอยู่2ตัวค่ะ คือ を零れた กับ が叶える
0
ตัวแรกคือ を零れた อันนี้ยอมรับว่าสะเพร่าก่อนส่งเองที่ไม่เช็คให้ดีว่าเผลอพิมพ์ตัว自動詞ไป แล้วมานึกออกตอนกดส่งไปแล้ว 5555555
ส่วนอีกคำที่ผิดคือ が叶える แว่บแรกที่เห็นว่าโดนขีดมาคือสตั๊นไปแปปนึง แล้วเพิ่งรู้ตัวว่าเราเผลอเซนส์เดียวกันกับตอนใช้ภาษาไทยค่ะ! เหมือนตอนนั้นคิดว่า "จนกว่าฝันของเธอจะเป็นจริง" พอเห็นคำว่า"จะเป็นจริง" ในหัวเราคือ"ต้องผันเป็นรูปสามารถ"ค่ะ ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดเหมือนเรามั้ย แต่สำหรับเราเป็นเซนส์ที่ใช้กับภาษาไทยค่ะ ซึ่งพอผันแบบนั้นแล้วจะ不自然ในภาษาญี่ปุ่น เพราะถ้าเป็นภาษาญี่ปุ่น จะพูดが叶う
พอพลาดรอบนี้ ทำให้เรานึกถึงเรื่องที่อาจารย์สอนว่า พอL1แตกต่างจากL2มาก ผู้เรียนจะเรียนรู้ยาก ส่วนตัวคิดว่าเซนส์การใช้ภาษาก็นับอยู่ในประเด็นนี้ด้วย เพราะคนไทยอาจจะคิดว่าถ้าพูดแบบนี้จะเป็นธรรมชาติ แต่นั่นคือ "เซนส์ตอนใช้ภาษาไทย" ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเซนส์ที่ใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติกับภาษาอื่นอย่างภาษาญี่ปุ่นที่เรากำลังเรียนอยู่
ถ้าให้ยกตัวอย่างใกล้ตัว ตอนอยู่ปี 1จะมีคาบให้ฝึกแต่งประโยคกับอาจารย์อิไม ช่วงแรก ๆ ที่ส่งการบ้านไป โดนอาจารย์อิไมวงแล้วเขียนบอกว่า不自然แทบทุกวีค และให้เหตุผลว่า "คนญี่ปุ่นไม่ใช้ ใช้แล้วแปลก" ตอนนั้นก็ไม่เก็ตว่าทำไมเราใช้แค่ไหนก็不自然มารู้ตัวตอนผ่านมาแล้วเกือบ5ปีคือ "เซนส์ของL1กับL2มันต่างกัน" ไงล่ะ!
จุดต่อมาที่ผิดคือ 続いてる อันนี้จะไม่พูดอะไรมากนะคะ อันนี้สะเพร่าพิมพ์ตกいเอง ฮือ แต่ที่น่าสนใจคือ 送った ค่ะ พอเห็นในใบที่ให้มานั่งคิดก่อนว่าทำไมผิด อาจารย์ก็มีเขียนใบ้ว่า "แสดงทิศทาง มุมมองคนเล่า" เลยรู้เลยว่าต้องแก้เป็น 送ってきた ตอนที่แต่งคือไม่ได้คิดอะไรมากเลยผันเป็น送ったไปเลย แต่ดันลืมคิดในแง่มุมมองของอาสึมิเซมไปว่า ถ้าใช้送った จะบอกแค่factว่าส่งให้อาสึมิเซมไป เรื่องทิศทางจะไม่ค่อยชัดเจน แต่ถ้าเป็น送ってきたคือคนอ่านจะอิมเมจตรงกันเลยว่าข้อความส่งถึงอาสึมิเซมไป ซึ่งเป็นแกรมม่าที่เขียนย้ำในหลาย ๆ เอนทรี่แท้ ๆ แต่ทำไมยังพลาดอยู่อีกนะ ฮือ T_T
ส่วนไฮไลท์สีเขียวอ่อน จริง ๆ ไม่ได้ผิดอะไรนะคะ แค่รู้สึกว่าถ้ายกไปอยู่บรรทัดใหม่น่าจะอิมแพคดีกว่า ซึ่งส่วนตัวว่าการขึ้นบรรทัดใหม่ก็เป็นเทคนิคการเขียนให้อิมแพครูปแบบหนึ่งค่ะ
=+=+=+=+=+=+=+=
ก็ถ้าให้สรุปสิ่งที่ควรระวังจากการทำタスクนี้คือ
1.ระวังเรื่องการใช้คำช่วยはกับが โดยเฉพาะประธานที่ใช้เปิดนิยายต้องเป็นはเสมอ อันนี้ถือเป็นเงื่อนไขพิเศษที่โดยปกติไม่ใช้
2.ถ้าไม่แน่ใจเรื่องคำศัพท์ ควรเปิดเช็คศัพท์จากดิกที่น่าเชื่อถือได้ ถ้าเปิดเช็คแค่ในเน็ตก็จะพลาดเหมือนรอบนี้ยังไงล่ะ ฮือ T_T
*3.ถ้าไม่ได้อธิบายสภาพอะไรมาก่อน ห้ามใช้คำที่บ่งบอกความเปลี่ยนแปลง ไม่งั้นจะ不自然(ช่วงนี้เผลอใช้ เลยขอดาวข้อนี้)
4.ระวังเรื่อง自動詞・他動詞ที่จะเผลอใช้สลับกันประจำ
***5.อย่าเผลอใช้เซนส์ที่ใช้ภาษาไทยกับภาษาญี่ปุ่น เพราะของไทยกับญี่ปุ่นไม่เหมือนกัน(อันนี้พีค ให้3ดาว 5555)
6.คิดถึงมุมมองคนเล่า เพราะมุมมองของตัวละครแต่ละตัวไม่เหมือนกัน ถ้าทำได้จะใช้ภาษาได้อย่าง自然มากขึ้น
บอกเลยว่าเป็นタスクที่สนุกมากกกก ถึงจะนั่งคิดหัวแตกว่าจะ描写ยังไงให้คนอ่านอ่านแล้วนึกภาพออก แต่ก็ได้อะไรมาเยอะมากเช่นกัน แล้วเป็นタスクที่รู้สึกเพิ่มความมั่นใจในการเขียนให้เรามาก ๆ เลยค่ะ
ส่วนตัวเต็มที่แก้เสร็จแล้ว+ที่มาที่ไปของเรื่องจะขอไปอัพในเอนทรี่Week6.2นะคะ สำหรับเอนทรี่นี้ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ เจอกันที่เอนทรี่Week6.2นะคะ :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น