วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562

Week 5.5:お化けが苦手なんだけど!?

     สวัสดีค่ะ! กลับมาเจอกันอีกครั้ง รอบนี้จะขออัพเกี่ยวกับタスクที่เป็นรอบลองเชิงก่อนจะเขียน空想作文อย่างจริงจังค่ะ เย่!

     ครั้งนี้อาจารย์ให้เนื้อหา ๆ สั้น ๆ มาว่า  

"ตัวเอกเดินกลับบ้าน จู่ ๆ ผีก็เข้ามาใกล้ ตัวเอกลัวเลยวิ่งหนีหลบเข้าไปบ้านหลังหนึ่ง แต่นั่นเป็นบ้านผี ตัวเอกกลัวเลยวิ่งหนีอีกรอบ วิ่งหนีจนไปถึงทุ่งหญ้า ตัวเอกไปเจอเพื่อนที่นั่น เพื่อนช่วยปราบผีให้" 

     ถ้าอ่านเนื้อหาแค่นี้ก็จะยังไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไหร่ อาจารย์เลยให้โจทย์ว่าให้ใช้โครงเดิมแล้วแต่งเติมขึ้นมาใหม่สไตล์เราเอง แต่ด้วยความเบลอเรา ทำให้เราเข้าใจโจทย์ผิด แล้วเพิ่งมารู้ตัวว่าเข้าใจผิดก่อนส่งหนึ่งวัน เราเลยต้องแต่งใหม่แบบไฟไหม้มาก ตัดเนื้อหาบางส่วนที่ต้องใส่ออก เพราะไม่รู้จะยัดลงสตอรี่ที่คิดมายังไง(เด็กดีไม่ควรเลียนแบบ) +ตัวเองเป็นคนไม่ชอบทุกอย่างเกี่ยวกับผีค่ะ ไม่รู้จะเขียนยังไงให้น่ากลัว ก็เลยออกมาแบบเปลี่ยนไปจากต้นฉบับระดับหนึ่ง ก็ตามด้านล่างนี้ค่ะ TvT

=+=+=+=+=+=+=+=


ただ声をかけただけなのに


 これは、僕が学校から帰る途中の話です。文化祭の準備が終わった後、友達と解散し、一人で帰宅しました。その日、アイスを食べたい気分ですから、コンビニに寄ろうと思い、いつもと違う帰り道を歩きました。コンビニに着く直前の角を曲がると、人形に顔をうずめ、細い肩が震えている小さい女の子が電柱の前に立ちました。「泣いている?迷子かな」と思いながら、その子に声をかけてみました。女の子は顔をゆっくり上げました。すると、その子の目の全体が突然真っ赤になり、不気味に笑いました。 

 「ねぇ、鬼ごっこしよう」

 僕の全身鳥肌が立ち、考えるより足が動いてしまいました。今まで感じたことがない圧倒的な恐怖のせいか、逃げないとしか思えません。僕はただ必死でっていました。しかし、後ろからその子の気配だけではなく、その子と同じく「何人も」が僕を追いかけてきました。それで、僕がその子の存在分かってしまいました。

 その子は「人間」ではなく、「あの世」で生きている存在でした。

 そう考えると、僕は周りを見て、隠れそうなところを探そうと思いながら、走り続けました。けれども、不幸なことに、周りは廃墟の家だらけで、今の状況より命に危険を及ぼすしかないところでした。どうしようと眉間に皺を寄せ、考え込みました。ふと目の前にあるのは友人が暮らしている神社でした。

 「そうだ...あそこなら!」

 僕はスピートを上げ、神社の鳥居をくぐりました。神社の境界に入ったとたん、後ろを振り返しました。その子は鳥居の前に立ち、悔しいように口を噛み、僕をじっと睨んでいました。「負けた」明らかに不満という声色で言いました。ただ次の瞬間、その子は穏やかに微笑みました。

 「今日は負けたけど、『次』は負けないよ」

 その子はそう言って、消えました。鏡を見なくても僕の顔が真っ青になったくらい分かりました。 

 それ以来、僕は必ず誰かと一緒に帰宅するようになりました。 



=+=+=+=+=+=+=+=

     ถ้าให้เริ่มไล่ทีละจุด ประเด็นแรกที่เราโดนเลยจริง ๆ คือเรื่องที่ดันใช้รูปますในการเล่าเรื่อง โดยปกติจริง ๆ แล้วเราก็รู้อยู่ว่าต้องใช้รูปるในการบรรยาย แต่เผอิญเห็นโจทย์ใช้รูปますก็เลยใช้รูปますตามไปเลย---


หัวเราะแก้เขินความโก๊ะตัวเอง 



     เอาล่ะ สีแรกที่เราจะดูคือสีส้มค่ะ อันนี้จะเป็นจุดที่เราผิดเรื่องผันผิดไม่เข้ากับสถานการณ์ค่ะ เช่น 立ちましたกับ走っていましたคือเบลอผันผิดเอง แล้วก็振り返しましたนี่ก็พลาดสะกดผิดเองเช่นกัน (พลาดเองรัว ๆ แง 555) เพราะฉะนั้นเราจะขอสรุปรวบยอดวิธีแก้ที่ถูกเอานะคะ ก็จะเป็น

     立ました→立っていた
     走っていました→走っ
     振り返ました→振り返った

    พอมาดูแบบนี้ รู้สึกผิดแบบไม่น่าให้อภัยมาก ๆ แต่จริง ๆ เราก็รู้สึกมาซักพักแล้วว่าชอบผิดเรื่องผันจุดรายละเอียดพวกนี้ประจำ ก็ถือเป็น気づきที่ทำให้รู้ตัวว่าเราชอบสะเพร่าเรื่องพวกผันอะไรแบบนี้จริง ๆ ค่ะ ต้องระวังให้มากกว่านี้... (เอาปี๊บคลุมหัว)

    อีกจุดที่ผิดโง่คือสีเขียว หรือเรื่องคำช่วยค่ะ พูดได้คำเดียวค่ะ มือไปไวกว่าสมองค่ะ TvT (เอาปี๊บที่หนากว่าขึ้นมาคลุมหัวแทน)

  分かって分かって 

    ส่วนสุดท้ายที่จะมาดูกันคือ สีน้ำเงินค่ะ อันนี้จะเป็นเรื่องแกรมม่า จุดแรกที่จะดูคือ ふとค่ะ ふとจะใช้คู่กับกริยาเสมอค่ะ ก็เลยแก้เป็นふと考えると (อันนี้คือเขียนแก้ให้เข้ากับอันใหม่ที่คิดค่ะ)

    อันต่อมาที่น่าสนใจคือ不満という声色 ตอนแรกเราคิดแค่อยากลองใช้声色เลยพิมพ์ใช้ไป ก็มั่นใจว่าโดนวงมา ก็....ตามคาดค่ะ 5555 อาจารย์ก็คอมเมนท์มาว่า ถ้าใช้げにจะดีกว่ามั้ย เราก็แบบ เออ ลืมแกรมม่าตัวนี้ไปเลย! นี่ก็ทำให้ตระหนักอีกเรื่องว่า "รู้แกรมม่าเยอะแค่ไหน แต่ถ้าไม่ใช้ก็ใช้ไม่เป็นและลืม"


 รู้ไป แต่ใช้ไม่เป็นคือจบข่าว ต้องพยายามหาโอกาสใช้!



    ส่วนสุดท้ายที่จะขอพูดถึงคือ鏡を見なくても อันนี้คิดแบบสไตล์ไท๊ยไทยเลยคือ "มองกระจก" ซึ่งมัน不自然มาก อาจารย์เลยบอกว่า 鏡を通して見なくても จะธรรมชาติมากกว่า แต่ตอนแก้ใหม่คือเราตัดทิ้งไปเลยค่ะ/ก้มกราบไหว้อาจารย์

    รอบนี้เห็นเราดูผิดน้อย เหมือนจะแก้ไม่เยอะใช่มั้ยคะ? เปล่าเลยค่ะ ด้วยความที่รู้ตัวว่าตัดนู่นนี่นั่นออกไปเยอะกว่าที่ควรจะเขียน เราเลยตัดสินใจ "เขียนเพิ่ม" ค่ะ สตอรี่ก็จะตามที่อาจารย์กำหนดมา100% เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจที่เนื้อหาเปลี่ยนไปมากนะคะ (เพิ่มเยอะชนิดที่เราไม่ขอไฮไลท์ว่าเพิ่มตรงไหนบ้าง TvT)

=+=+=+=+=+=+=+=


ただ声をかけただけなのに...

文化祭の準備が全部終わった後、今まで一緒に準備したクラスメートと解散し、一人で帰宅した。普段どこにも寄らず直帰する僕は、その日に限ってアイスを食べたい気分になり、コンビニに寄ろうと思い、いつもと違う帰り道を歩いた。コンビニに着く直前の角を曲がると、青い着物を着た人形に顔をうずめ、細い肩が震えている小学校低学年くらいの小さい女の子が電柱の前に立っていた。「泣いてる?迷子かな」と思いながら、その子に声をかけた。

「君、迷子なのか?お父さんとお母さんは?」

女の子は僕の聞いた質問に答えず、こっちによろよろと歩いて近づいてきた。「大丈夫?」と聞こうと思ったとたん、その子は真っ白の顔をぱっと上げ、目の全体が突然真っ赤になり、不気味に笑った。

「ねぇ、鬼ごっこしよう」

僕の全身鳥肌が立ち、今まで感じたことがない圧倒的な恐怖のせいか、考えるより足が動いてしまった。人生でこんなに必死で走ったことがないだろうと思いながら、走り続けたが、後ろからその子の気配だけではなく、その子と同じく「何人も」が僕を追いかけてきた。それで、僕がその子の存在分かってしまった。

その子は「人間」ではなく、「あの世」で生きている存在だったこと。

そう考えると、僕は周りを見て、隠れそうなところを探そうと思いながら、走り続けた。幸いなことに、近くにある電気がついていた綺麗な家を見つけた。僕は迷いがなく、身を隠すためにその家に入り込んだ。「あのう……すみません。誰かいますか」と遠慮がちで声をかけてみた。すると、綺麗な顔をしている40代の女が、埃がちっともない玄関に現れ、僕はほっとしたように長いため息をついた。

「突然ですみませんが、しばらくここに隠れてもいいですか。えっと、ちょっと怖い女の子に追いかけられてるので……」と素直に話した。信じてくれないだろうと思ったが、その40代の女は「いいわ」と落ちついた声であっさりと答えたため、もう逃げなくてもいいと実感した僕は胸をなでおろした。

「でも、一つだけ聞いてもいい?その女の子、青い着物を着た人形を持ってる?」

そう聞かれると、僕は息を呑んだ。怖い女の子しか教えなかったのに、青い着物を着た人形を持っていることが推理できるなんて理不尽過ぎる。僕が言いよどんでいるとき、その40代の女の目が突然真っ赤になり、玄関が埃まみれになってしまった。

「もしそうだったら、その子に会った場所、教えてほしい。その子、私の娘なの

その子に追いかけられるより命に危険を及ぼす家に入ってしまったとわかった僕は、また恐怖に襲われ、慌ててその家をあとにした。その家を出たとたん、向こうの家で待ち伏せていたその子たちと目線が合ってしまい、僕は後ろを一切振り向かず、広い野原へ走り出した。どうしようと眉間に皺を寄せ、考え込んだ。ふと考えると、ある親友のことを思い出した。「そうだ……あの人なら!」と呟いた。僕はスピートを上げ、誰も近づかない野原にあるボロボロの神社まで走った。神社に着くと、鳥居をくぐり、大きい声で親友を呼んだ。

「安倍(あべの)!助けて!安倍!!!」

「うるさい!!叫ばなくても、聞こえるっつーの」

 陰陽師の子孫で、僕の親友である安倍はうんざりした顔で、僕の前に現れて目を細めた。「お前、厄介なものに追いかけられてる?」察しが鋭い安倍はそう聞いた。「そう!なんとかしてくれ!」と僕は頼んだ。すると、その子と複数の仲間が鳥居に近づいてきた。「ったく、面倒なやつだらけだな」と呟いて、安倍は鳥居からぎりぎり出るところに立ち、シャツのポケットから墨文字で書かれた短冊を何枚も取った。「はっ!」と言って、その子の仲間たちに短冊を投げたとたん、全員すぐに消えてしまった。「今残ってるのは、お前だけだぞ。どうする?」と安倍は単刀直入に聞き、短冊をもう一枚取った。その子は鳥居の前に立ち、悔しいように口を噛み、僕と安倍をじっと睨んでいた。「負けた」明らかに不満げに言った。ただ次の瞬間、その子は不気味なほど穏やかに微笑んだ。

「今日は負けたけど、『次』は負けないよ」

その子はそう言って、消えた。顔が蒼白になった僕は疲れ切ったせいか、その場で気絶してしまった。次に目が覚めたとき、自分のベッドの上にいた。母によると、安倍がわざわざ僕をおんぶして家まで送ってくれたそうだ。僕は全部なかったことにしようと思いながら、ベッドからむくりと起き上がった。その瞬間、何かコトンと床に落ちた。「何だろう?」と小さい声で呟き、床に落ちたものを見たとたん、息を呑んだ。

それは、その子が持っている青い着物を着た人形だった。


=+=+=+=+=+=+=+=


สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ สิ่งแรกที่เราจะขอพูดคือ...




     แต่!! ยังไม่จบค่ะ (อย่าเพิ่งปาของใส่เรานะ อุแง TvT) ก็ขอสรุปภาพรวมที่ได้เรียนรู้จากタスクแต่งเรื่องผีคือ

      1.ระวังเรื่องผันรูปไม่ตรงกับสถานการณ์ที่ใช้ อันนี้คิดว่าสำคัญค่ะ ไม่งั้นคงกลายเป็นภาษาญี่ปุ่นที่不自然ได้
    *2.ระวังเรื่องแกรมม่าที่ไม่ค่อยได้ใช้ แล้วพอมาใช้จะเผลอใช้ผิด(อันนี้ขอเน้น เพราะสำหรับเราที่ใช้แกรมม่าไม่กี่ตัววนไปคือสำคัญมาก สำหรับการใช้ภาษาญี่ปุ่นให้ดีขึ้น)

      3.พยายามขยายความให้เห็นภาพให้ได้มากที่สุด เป็นอีกจุดที่รู้สึกได้ตอนอ่านงานของน้องคนหนึ่งว่าแบบ เออ ทำไมเราไม่ขยายให้เห็นภาพได้ขนาดนั้นมั้ง โดยเฉพาะการใช้オノマトペ ที่ช่วยให้สิ่งที่เราบรรยายเห็นภาพขึ้นประมาณ10เท่า(ก็เว่อร์ไป) ก็คิดว่าหลังจากนี้คงต้องพยายามใช้ให้เยอะกว่านี้ 

      *4.オチดีมีชัยไปเกินครึ่ง! เอาจริง ๆ ก็เป็นอีกเรื่องที่รู้สึกได้ไม่ว่าจะตอนอ่านหนังสือ ดูอนิเมะ ฟังดราม่าซีดี ฯลฯ ว่าสตอรี่ตอนเริ่มกับวิธีดำเนินเรื่องอาจจะไม่ดี แต่ถ้าจบดีคือเราจะจำประทับใจและแนะนำคนอื่นต่อ ส่วนที่เริ่มดี ดำเนินเรื่องดีมาตลอด แต่จบแย่คือเราบ่นเป็นหมีกินผึ้งมาก แถมบอกคนอื่นว่าอย่าดูเลย 5555 ที่เขียนแก้รอบนี้ก็ลองเปลี่ยนวิธีจบ คิดว่าอิมแพคน่าจะดีกว่าที่เขียนรอบแรกนะคะ

     เอาจริง ๆ ตอนแรกลังเลว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีมั้ย เพราะรู้สึกว่าต้องแก้เยอะมาก แต่พอมาคิดถึงว่าครั้งนี้เขียนได้แย่กว่ามาตรฐานตัวเอง+มีน้องคนนึงโหวตให้เราคนเดียวก็รู้สึกเจ็บใจมาก ตอนนี้จะเป็นอารมณ์แบบถ้าไม่ได้ทำจะรู้สึกค้างคามากเลยเปิดไฟล์มานั่งแก้แบบจริงจังมากค่ะ 5555555555 

     พอมานั่งแก้ก็รู้สึกว่า เออ ถึงเราไม่ชอบเรื่องผี แต่เราก็เขียนงานแนว ๆ พวกนี้ได้นะ แค่ต้องวางแผน+คิดเยอะ ๆ เพื่อที่จะเขียนงานดี ๆ งานหนึ่ง ยิ่งทำให้รู้สึกว่างานเขียนครั้งนี้คือบทเรียนที่ยิ่งใหญ่มากว่า 


"ถ้าเราไม่วางแผนอะไรเลย แล้วเขียนไปทั้งอย่างงั้น 
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงเป็นงานเขียนสั้น ๆ ที่ไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร"



     ตอนนี้ก็ไปแก้มือกับ空想作文 แล้ว อันนั้นคือใส่เต็มที่มากจริง ๆ เพราะเป็นเรื่องที่ตัวเองอยากเขียนมากเพื่อ "เรียกสติตัวเองยามท้อแท้" ค่ะ ส่วนจะเกี่ยวกับอะไรนั่นก็...ขอให้ทุกคน楽しみกับการอัพบล็อกครั้งหน้าของเราละกันค่ะてへ

     หวังว่าทุกคนจะสนุก(?)กับเรื่องที่เราแต่งนะคะ วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ

3 ความคิดเห็น:

  1. ตอนจบของเรื่องนี้...พออ่านประโยคสุดท้ายแล้วขนลุก ฉบับปรับปรุงเห็นภาพชัดเจนมากเลยค่ะ อยากจะบอกว่า 空想作文 ฉบับจริง(ที่ส่งมา)เป็นเรื่องที่หวานมากๆๆๆ แสดงว่าเขียนได้ทั้งแบบน่ากลัวและแบบ romantic เลยนะเนี่ย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถ้าอาจารย์อ่านแล้วขนลุก ถือว่าหนูประสบความสำเร็จกับการแก้ครั้งนี้แล้วค่ะ 555

      ลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ28 เมษายน 2562 เวลา 19:42

    Di Molto Bene!
    หมูดุดชอบเรื่องผีเวอร์ชั่นอีโวของพี่มายด์มากเลยฮะะะ ヾ(@°▽°@)ノ
    ด้วยความที่ตัวเรื่องเล่าค่อนข้างละเอียด เลยรู้สึกเหมือนกับว่าอุตส่าห์ชงมาตั้งนาน ตอนจบต้องมีหงายแน่นอน ซึ่งทำให้อ่านแล้วลุ้นแล้วลุ้นอีกว่าจะพีคตรงไหน พอคิดว่าไม่มีอะไรพีคเท่านั้นแหละ มาพีคตอนจบเฉยเลย 5555
    ประทับใจมากเลยฮะ SBRS!
    อ่านของพี่เเล้วทำให้เรียนรู้เลยฮะว่า オチ นี่สำคัญมากจริง ๆ
    お疲れ様です!

    ตอบลบ