วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

おわりに:振り返ってみれば

     สวัสดีค่ะ ห่างหายกันไปนานมาก เพื่อพักให้ร่างกายฟื้นเต็มร้อยแล้วมาอัพบล็อกครั้งสุดท้ายสำหรับวิชานี้กันค่ะ เย่!

     ก่อนอื่นเลย จากผลโหวตในห้อง งาน空想作文เราได้ที่1ล่ะค่ะ!! บอกตามตรงว่าเกินคาดมาก ๆ เพราะตอนเรื่องผีมีคนโหวตให้เราคนเดียว แต่พอมางานนี้คือคนโหวตให้อันดับสูงหลายคนมาก ๆ รู้สึกดีใจที่เรื่องที่เขียนไปได้ฟีดแบคค่อนข้างดีค่ะ สัมผัสได้ถึงพัฒนาการตัวเอง ฮือ ;-;



  ตอนรู้ผลคือแทบจะกระโดดโลดเต้นรอบบ้าน 5555



     เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเถอะค่ะ จุดประสงค์ในการอัพครั้งนี้คือสรุปภาพรวมทั้งเทอมว่า จากที่ตั้งเป้าในบล็อกแรกสุดจนมาถึงตอนนี้ ได้ตามเป้ามั้ย และพูดสัพเพเหระอื่น ๆ(?)ค่ะ


     จริง ๆ จุดประสงค์หลักของเราในการเขียนบล็อกคือ "ตัวเองพลาดยังไง และควรแก้ไขยังไงเพื่อให้ภาษาญี่ปุ่นดีขึ้น" หรือ 「内省」ซึ่งถ้าดูตามบทความที่ขึ้นต้นด้วย Week ก็รู้สึกว่าตัวเองรู้ตัวมากขึ้นค่ะว่าพลาดยังไง มีสรุปลิสต์เป็นข้อ ๆ สิ่งที่ได้เรียนรู้และข้อควรระวังในการใช้ภาษาญี่ปุ่น ทำให้การใช้ภาษาญี่ปุ่นเราดีขึ้นเรื่อย ๆ (ไม่มากก็น้อยละนะ) เช่น ตอนリアリティーのない作文ที่แต่งเรื่องผี ตอนเขียนเรื่องนี้คือจบไม่ดีเลย ตัดส่วนที่ต้องเขียนไปก็เยอะ แล้วเนื้อเรื่องก็อะไรก็ไม่รู้ 5555555/น้ำตา 

     หลังจากเรียนรู้จากข้อผิดพลาด พอแก้แบบละเอียดแบบอธิบายละเอียดขึ้น+ผูกปมให้ทุกอย่างเชื่อมกัน+แก้วิธีจบก็รู้สึกว่าเรื่องผีที่ตัวเองคือดูสยองขวัญกว่าเดิมมาก 5555 พองานเขียน空想作文ก็นำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากตอนแต่งเรื่องผีมาระวังตอนที่เขียน空想作文 ที่ค่อนข้างชัดเจนคือเราผูกเนื้อเรื่องละเอียด+เซตติ้งให้ละเอียดที่สุด เพื่อให้ทุกอย่าง目に浮かぶได้จริง ๆ ซึ่งบอกตามตรงว่าเมื่อก่อนไม่คิดว่าตัวเองทำได้เลยยย แต่พอมาเรียนวิชานี้ได้ลองทำก็รู้สึกว่า


"ไม่มีทางรู้เลยว่าตัวเองทำได้หรือไม่ได้ นอกจากจะได้ลองลงมือทำ"


     แน่นอนว่าโอกาสที่ได้ลองทำแล้วมีคนช่วยตรวจให้ไม่ได้มีเยอะ+ให้โอกาสตัวเองมา内省ด้วยการเขียนบล็อก(ซึ่งเป็นการoutputที่ชอบมากเถอะ ให้ตายสิ 555) เลยรู้สึกดีมากกกกที่ลงวิชานี้ตอนเทอมสุดท้ายในชีวิตมหาลัย

     มีอยู่ 2 อย่างที่ได้จากวิชานี้คือ empathy กับ Active Learner เพราะตั้งแต่ที่เรียนวิชานี้ รู้สึกว่าตัวเองพอจะทำอะไรคือนั่งคิดเยอะมากขึ้นว่า ถ้าสื่อออกไปอีกฝ่ายจะเข้าใจมั้ย นึกถึงจุดยืนอีกฝ่ายมากขึ้นจริง ๆ ค่ะ ไหนจะขยันเรียนรู้ด้วยตัวเองเยอะมากเพื่อพัฒนาตัวเองที่พักหลังหมดไฟเรื่องเรียนไประดับนึง ก็พูดได้เต็มปากว่าพอเรียนวิชานี้ทีความอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นคือกลับมาเยอะมาก ๆ เลยค่ะ

     คลาสนี้สอนแบบTBLT ซึ่งบอกตามตรงว่าเป็นอะไรที่เรากลัวมากค่ะ เพราะตอนปี3เราトラウマเรื่องเรียนหนักมากจนไม่กล้าเขียนหรือพูดภาษาญี่ปุ่นเสียเท่าไหร่(ถึงกลับจากแลกเปลี่ยนมา แต่ก็ยังเป็นอยู่ค่ะ ฮือ) แต่คาบนี้ช่วยทำให้เรากล้ากลับมาใช้อีกครั้ง ถึงจะผิดบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเครียดเท่าตอนปี3 บอกเลยว่ารักタスク 目に浮かぶ描写กับ空想作文 เพราะเป็นタスクที่พิสูจน์ตัวเองว่าเรายังพอเล่าเรื่อง+เขียนบรรยายละเอียดจนเห็นภาพได้จริง ๆ ค่ะ ถือว่าเป็นอีกก้าวที่ดีสำหรับเรา

     นอกจากนี้ รู้สึกว่าวิชานี้ให้อะไรเราเยอะจนนับแทบไม่ถ้วนค่ะ มิตรภาพระหว่างเพื่อน ๆ น้อง ๆ ในห้อง การเรียนที่สนุกสนานตลบอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะ ทำให้วันจันทร์ที่เราไม่อยากตื่นมาเรียนเพราะคาบช่วงเช้าเจออาจารย์ไม่ดี ก็ทำให้เราเข็นตัวออกมาเรียนเพราะอยากมาเรียนวิชานี้ค่ะ กล้าพูดเลยค่ะว่าเป็นวิชาที่ชอบที่สุดตั้งแต่เข้าเอกญี่ปุ่นมา และเป็นคาบที่เอนจอยสุด 癒しสุดสำหรับเทอมนี้ค่ะ 555(หัวเราะแก้เขิน) 





     บอกตามตรงว่าเดิมทีเคยจะลงตั้งแต่ตอนปี3แล้วค่ะ แต่ว่าตอนนั้นคืองอแง ไม่อยากเขียนบล็อก+เห็นพวกปี5รุ่นนั้นที่ต้องเรียนด้วยคือกลัวมากเลยลดวิชานี้ไปแบบไม่คิดตั้งแต่วันแรกที่ลองเข้าไปเรียน(กราบไหว้อาจารย์หนึ่งครั้ง) 

    แต่ว่าหลังจากกลับแลกเปลี่ยน เรารู้ตัวว่าอยากเป็นครูค่ะ เพื่อนสนิทเราก็แนะนำมากว่าต้องเรียนวิชานี้ เพื่อนสนิทเราก็บอกว่าน่าจะเหมาะกับเราที่อยากเป็นครู ซึ่งตามคาดจริง ๆ เพราะเราก็ได้ลองเอาไปประยุกต์ใช้กับน้องที่สอนดู ช่วยได้เยอะมาก ๆๆๆ ไม่ว่าจะทั้ง i+1 TPR และอื่น ๆ ซึ่งบอกเลยว่าเมื่อก่อนไม่เคยคิดเลยว่าพวกทฤษฎีไรงี้จะสามารถนำประยุกต์ได้จนมาเรียนวิชานี้ รู้สึกว่าเป็นวิชาเปิดโลกให้เราเรื่องด้านการสอนภาษาญี่ปุ่นมากจริง ๆ ค่ะ แล้วทำให้เราแน่วแน่กับเส้นทางในอนาคตแล้วว่าอยากต่อปริญญาโทด้านภาษาศาสตร์ประยุกต์ (สเตตัสปัจจุบัน:กำลังหาหัวข้อวิจัยไปด้วย ทำฟรีแลนซ์สอนหนังสือไปด้วยเพื่อดูปัญหาว่าคนไทยมีปัญหาอะไรตอนเรียนภาษาญี่ปุ่น) 

    จริง ๆ อีกอย่างที่ชอบตอนเรียนคือเรื่อง 言語現象 คือไม่เคยพูดถึงในนี้ แต่รู้สึกว่าพออาจารย์สอนแล้วเราเอาไปตกตะกอนใช้ตอนทำタスクในแต่ละวีคแล้วเลยไม่เคยพูดถึงเลย ก็...ตั้งใจว่าจะนำมาเขียนลงบล็อกนะคะ แต่!! เราจะไม่ได้อัพในนี้ค่ะ เพราะเราจะย้ายไปอัพบล็อกที่



     เนื่องจากว่าตอนอัพทางนี้ พบปัญหาในการอัพแต่ละครั้งเยอะมากกกก เลยตัดสินใจเปิดบล็อกใหม่ไปเลยค่ะ อาจจะไม่ได้อัพถี่เหมือนบล็อกนี้ เพราะว่าเราก็ทำงานแล้วด้วย อาจจะอัพเดือนนึงหนนึงค่ะ  (ตอนนี้ก็จะโล่ง ๆ หน่อยเพราะเพิ่งเปิด)

     บอกได้เลยเป็นวิชาที่เรียนจบแล้วอารมณ์ไม่จบที่แท้ทรูค่ะ ถึงขั้นตั้งใจจะเขียนบล็อกต่อได้ เพราะตอนเรียนก่อนจะเรียนคือคิดว่าไม่เขียนต่อแน่ ๆ เปล่าเลย เขียนติดลมมาก 5555

     เนื่องในโอกาสปิดคอร์สอย่างเป็นทางการ ก็อยากจะทำอะไรสักอย่างให้อาจารย์ค่ะ เพราะรู้สึกว่าถ้าไม่มีอาจารย์ออกแบบดีไซน์คลาสดี ๆ แบบนี้ เราก็คงยังจมปลักกับภาษาญี่ปุ่นที่พัฒนาแบบเนือย ๆ ไม่มีทางจะกระตือรือร้นขึ้นมาได้ขนาดนี้แน่นอนค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีโอกาสเจออาจารย์ เพราะฉะนั้นขอมอบสิ่งนี้ให้ค่ะ

       .....

       ...

       .





     อาจจะไม่ได้สวยมาก+ไม่เหมือนอาจารย์ด้วยเพราะรีบวาดรีบลง แต่หวังว่าอาจารย์จะชอบนะคะ ;-; (ใจจริงอยากวาดทุก ๆ คนที่เรียนด้วยกันในคลาสลงไปด้วย แต่เวลาไม่เอื้อเลยไม่ได้วาด/กราบไหว้ทุกคน)

     ขอบคุณคาบAPP JP LING ที่ทำให้เรากลับมากล้าใช้ภาษาญี่ปุ่นได้ขนาดนี้จริง ๆ ค่ะ รู้สึกดีมาก ๆ ที่เทอมสุดท้ายในรั้วมหาลัยได้มาเรียนวิชาดี ๆ แบบนี้ 

     พูดมาซะยาวเลย สุดท้ายนี้ขอลาไปโดยประโยคสั้น ๆ ละกันค่ะ... 



「ありがとう、そして、これからも」


Maido
2019/05/16

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2562

Week6.2:この空想を、空想で終わらせない

     สวัสดีค่ะ เอนทรี่นี้จะขออัพฉบับที่แก้แล้วตามที่บอกในเอนทรี่Week6.1นะคะ ส่วนที่แก้ในครั้งนี้จะขอทำแค่ตัวหนาเพื่อให้ทุกคนอ่านได้ไหลลื่นมากกว่าตอนมีสีปาดค่ะ!

     ปล.ถ้าใครอ่านแล้ว เลื่อนลงไปอ่านด้านล่างเกี่ยวกับที่มาที่ไปของไอเดียเรื่องนี้ได้เลยนะคะ :)

=+=+=+=+=+=+=+=



きっかけ

冬に入ってから寒さが次第に厳しくなっていくが、聖なる夜が近づいてくると、日が沈んでも華やかなイルミネーションが彩られているパリの街中には、幸せそうな恋人たちが溢れかえている。こんな特別な時期に、フランスのミシュランガイドに「三つ星」として掲載されている豪華な高級レストランは、もう満席。わざわざ足を運んだお客様に最高の晩餐を堪能させるために、シェフたち休憩の時間がもったいないと思うくらい休まず、最高の料理を提供し続けていく。

  ――だが、聖なる夜が近づいてくるせいか、パリの賑やかな繁華街で、一番有名な三つ星を取得している三階建てレストランである「Simplicité(サンプリシテ)」のキッチンの雰囲気は、普段よりピリピリと緊張感が漂っていた。そんな雰囲気に耐え切れず、休憩が取れたとたん、このレストランで唯一の日本人女性である中島舞(なかじままい)シェフの衣装を着たまま、ベージュのロングコートを羽織り、静寂に包まれているレストランの屋上に行った。屋上に着くと閉じたばかりのドアを背にし、ものすごく長いため息を零した。「この仕事に向いてないかな、私……」と小さい声で呟き、両手で自分の顔を覆った。

一流のシェフを目指している舞は、フランス料理専門学校を卒業し、Simplicitéのオーナーにスカウトされ、パリの本店で18ヶ月働くことになったが、1ヶ月も経て、緊張感が漂っている職場に慣れず、細かいミスばかりしてしまい、オーナーに怒鳴られる日々が続いてる。特に、今日は普段より相当マヌケなミスばかりしまくった気がした舞は、悔しさに耐えるようにきゅっと唇を噛んだ。ふと無意識にスマホを手にとって、画面をじっと見た。その後、ある人に「ちょっといいですか」という短いメッセージを送った。

(こんな状況なら、いつもお母さんを一番最初に思い出すはずなのに、どうして「あの人」をさっきに思い出したんだろう……) 

そう思ったとたん、スマホが突然振動し、着信音が鳴った。舞は画面に表示されている連絡先を見た瞬間、心臓が早鐘を打ち、慌てて電話に出る。「……もしもし?」裏声にならないように、落ち着いてからゆっくり返事した。『あ、よかった!出てくれた』ほっとしたように、向こうから小さな吐息が聞こえた。「……熱海(あつみ)先輩がわざわざ電話をかけてくれると思いませんでした」。高校時代の一学年上の男の先輩で、舞の夢をずっと応援している熱海直哉(なおや)は『急に電話をかけてごめんね。でも、君が送ってきたメッセージ気になったから、電話をしてしまった。……今話してる声、いつもより元気ない気がしたけど、嫌なことでもあった?僕でよかったら、話を聞くよ』と心配そうに言った。

(相変わらず、察しがよく、気を遣う先輩だわ)

舞はしばらく考え、口を開いた。「――私、シェフをやめたほうがいいですか?」と素直に聞いてしまった。聞くべきではない質問を聞いてしまったと気づいた舞は、冗談ですよって誤魔化そうとしたが、『僕は教えるのが好きだから、教師になりたい。君はどうしてシェフになりたい?』と熱海先輩が聞き返した。「どうしてって料理を作るのが好きに決まって……あ」何か気づいた舞が口を閉じた。

『今まで最初から最後までうまくいったことなんて、一度もなかったでしょ?でも、君は料理を作るのが好きだからこそ、ここまで頑張ってきた。このことだけは忘れないで欲しい』

 (――ああ、どうしてすっかり忘れてしまったんだろう。料理を作るのが好き。それはきっかけで、パリまで来た大事な理由なのに、自分の夢を諦めるべきかって簡単に聞いちゃったなんて本当に情けない)

目元が熱くなり、涙が流れないように、舞が唇を噛んだ。『今、もし泣きたいなら、思い切り泣いてもいいよ。それから、元気出して、いつも自分の夢を叶えるために、諦めずに頑張り続ける君に戻ってね』熱海先輩の言葉を聞くとまるで涙腺が壊れたかのように涙が溢れ出してきて止まらなくなった。『よしよし、君はよく頑張ったよ。よしよし』舞が落ち着くまで、熱海先輩が何度も何度もそう言い繰り返す。5分を経て、舞がやっと泣き止み、「そっちはもう深夜なのに、貴重な時間を無駄にしてごめんなさい」と謝った。『ううん、好きな人のことなら、時間の無駄なんて思わないよ』熱海先輩がきっぱりと言うと、舞の息が詰めた。

「熱海先輩、まさか――」
 『言ったでしょ?僕が卒業した日に』

――あの日、熱海が学校を卒業した日に、桜が舞い散る木の下で熱海先輩に告白されたことは、鮮明に覚えている。舞は「自分の夢を早く叶えたいから、恋愛に余裕がない」と即答で断ったが、『君の夢が叶うまで、僕はずっと待つよ』熱海先輩はまるで天使が微笑んでるようににっこりと笑った。断った日から、もう3年間も経ったのに、自分のことをずっと待っていると思うと、舞の胸がドキドキする。「そ、そろそろ戻らないと!」照れていることを誤魔化すためにそう言った。『そう?じゃ、僕の方から切るよ……行き詰まったときに、僕のことを一番最初に思い出してくれて、ありがとう。好きだよ、舞』と言い切れると、電話をすぐに切った。

(や、やられた!……でも、嫌じゃないし、もうちょっと話したいと思うなんて……ああ、なるほど、だから、お母さんじゃなくて、熱海先輩を一番最初に思い出したんだ)

自分の感情を整理して、熱海先輩への気持ちがやっと分かった舞はくすりと笑い、頬を軽く叩いた。「よし、熱海先輩を長く待たせるのはよくないよね」と気合を入れ、レストランの中に戻った。 



=+=+=+=+=+=+=+= 


      ไอเดียที่ทำให้เกิดเรื่องนี้คือ "อย่าลืมเหตุผลแรกที่ทำให้เรามุ่งมั่นกับอะไรบางอย่าง" อันนี้มาจากประสบการณ์ตรงของตัวเองค่ะ เรื่องมีอยู่ว่าตอนเราอยู่ปี2 เราเคยเกือบจะลาออกจากมหาลัย เพราะยิ่งเรียนยิ่งรู้สึกซัฟเฟอร์กับการเรียนภาษาญี่ปุ่น ไม่สนุกกับการเรียนเลย+มองไม่เห็นอนาคตตัวเอง จนรู้สึกอยากทิ้งภาษาญี่ปุ่นแล้วไปเรียนอย่างอื่น แต่เรากลับมาฮึดต่อได้เพราะเราไปอ่านบล็อกของมาเอโนะซัง(ใช่ค่ะ นักพากย์ที่เราติ่งแล้วพูดถึงบ่อย ๆ คนนั้นแหละค่ะ)

      บล็อกนั้นมาเอโนะซังอัพรูปม้านั่งในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ดูเหมือนจะไม่มีอะไรนะคะ แต่เป็นม้านั่งตัวที่มาเอโนะซังเคยมานั่งอ่านบทพากย์พระเอกอนิเมบทแรกในชีวิตเขาค่ะ แล้วมาเอโนะซังพิมพ์ต่อว่า


「プロになっても、新人の頃の気持ちはまだ忘れてないよ」


     พออ่านจบ ตัวเราในตอนนั้นเลยฉุดคิดว่าทำไมเราถึงยังเรียนภาษาญี่ปุ่นต่อตอนมหาลัย? แล้วเหตุผลแรกสุดที่ทำให้เราตัดสินใจเรียนภาษานี้ต่อเป็นเหตุผลที่เรียบง่ายมากเลยค่ะ



"เราชอบภาษาญี่ปุ่น"




     ตอนที่นึกคำตอบออกคือร้องไห้เป็นบ้าค่ะ...เหตุผลสำคัญที่เป็นแรงผลักดันให้เรามาอยู่ตรงนี้แท้ ๆ แต่ซัพเฟอร์จากการเรียน(จริง ๆ มีเรื่องอื่นด้วย แต่ไม่ขอเล่านะคะ) จนลืมเหตุผลนั้นไปเสียสนิท







 ร้องไห้หนักเว่อร์ (แต่ยังไม่หนักถึงขั้นนองพื้นเหมือนน้องยีราฟนะคะ 555)



     เชื่อมั้ยคะ แค่เรานึกถึงเหตุผลแรกที่ทำให้เรามาอยู่ตรงนี้ออกอีกครั้ง ทำให้เราฮึดกลับมาเรียนภาษาญี่ปุ่นได้ยาวจนถึงปัจจุบันเลยค่ะ ถึงเหตุผลอย่าง "ชอบ" จะเรียบง่าย แต่เราว่ามันก็เพียงพอที่จะจุดประกายให้คนที่สิ้นหวังกับการเรียนกลับมามีกำลังใจเรียนอีกครั้งค่ะ  เลยรู้สึกว่าเหตุผลแรกที่ลงมือทำอะไรบางอย่างเป็นอะไรที่สำคัญมาก 空想作文นี้เลยอยากจะเขียนเพื่อ "เรียกสติตัวเองยามท้อแท้ว่าเรามาอยู่ตรงนี้เพราะอะไร" ค่ะ 

     แต่เกรงว่าเนื้อหาจะหนักไป ก็เลยเขียนเป็นแนวความรักค่ะ ก็ไม่รู้ว่าผลพวงจากการเล่นโอโตเมะเกมมากไปหรืออะไร ทำไปทำมาคือเนื้อหาหวานมาก ความเครียดมีอยู่นิดเดียวหรือคนอ่านอาจจะไม่รู้สึกด้วยซ้ำ 5555555555

     ส่วนที่มาชื่อเรื่องきっかけคือเราตั้งใจจะสื่ออยู่2ความหมายค่ะ คือ きっかけที่ไมอยากเป็นเชฟ กับきっかけที่ไมรู้ตัวว่าชอบอาสึมิเซมไปค่ะ

     จริง ๆ อยากวาดรูปประกอบมากเลย แต่เวลาไม่เอื้อเพราะสัปดาห์หน้าเราสอบไฟนอล4ตัวรวดค่ะ ต้องอ่านหนังสือสอบ แงงงงง 




 แน่นอนว่าตัวที่นอนตายคือสภาพเราตอนนี้ค่ะ ฮรือ 

  

     หวังว่าจะชอบเรื่องที่เราเขียนนะคะ สำหรับผู้ชายที่ต้องอ่านงานเราคือรู้สึก申し訳ないเล็ก ๆ ที่ต้องมาอ่านงานหวานขนาดนี้ ฮือ ถ้ามีตรงนี้ที่อยากจะติก็เม้นท์ด้านล่างเลยนะคะ พร้อมเอาไปปรับปรุงค่ะ ;-; วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีค่ะ